ศุภณัฐ พันโกธิ์
| ชื่อเต็ม | ศุภณัฐ พันโกธิ์ |
| ฉายา | “นักเดินข้ามมิติ” , “Shadow of Threshold” |
| สังกัด | หน่วยรบพิเศษข้ามมิติ TRU-7 |
| ระดับภัยคุกคาม | Ω-Class (ทั้งด้านการโจมตีและการควบคุมเวลา) |
| สถานะ | ไม่ระบุ (สูญหายระหว่างมิติที่ 7.Δ) |
| ความเชี่ยวชาญ | ยุทธวิธี, ปฏิบัติการลับ, การคุมเสถียรภาพประตูมิติ, การรบในสภาวะเวลาแตกหัก |
1. ประวัติย่อ
ศุภณัฐ พันโกธิ์ เป็นตัวละครระดับตำนานในเอกสารลับของ “โครงการเกตเวย์” (Gateway Initiative) กลุ่มองค์กรใต้ดินที่ทำหน้าที่ควบคุมเสถียรภาพของมิติเวลาในพหุจักรวาล เขาปรากฏตัวครั้งแรกในบันทึกปฏิบัติการรุ่นต้นของโครงการในฐานะ “ผู้รอดชีวิตจากความผิดปกติของเวลา” ก่อนจะถูกรับเข้าสู่หน่วยรบพิเศษข้ามมิติ TRU-7 (Temporal Response Unit – Squad 7)
จุดเด่นของศุภณัฐคือความสามารถในการ “อ่านรูปแบบของความผิดปกติ” ได้จากสัญชาตญาณ ทำให้เขาสามารถคาดเดาได้ว่าประตูมิติใดกำลังจะเสถียร หรือแตกสลาย ซึ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของทั้งหน่วยและชุมชนที่อยู่ปลายอีกฝั่งของประตู
2. ชีวิตช่วงต้น
2.1 ภูมิหลังครอบครัว
เอกสารที่หลงเหลืออยู่ระบุเพียงว่าเขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาในโลกฐาน (Earth-0) เมืองขนาดกลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่มีประวัติว่าเป็นทายาทตระกูลนักรบหรือนักวิทยาศาสตร์ แต่ครอบครัวของเขาเน้นเรื่องการศึกษา การดูแลกัน และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
2.2 เหตุการณ์ “เวลาสะดุด” ครั้งแรก
เมื่ออายุประมาณช่วงมัธยมต้น มีบันทึกคำให้การว่าเขาเคยประสบเหตุการณ์ที่เวลาในบริเวณหนึ่งหยุดนิ่ง นานประมาณ 9.7 วินาที (ตามนาฬิกาของเขา) ในขณะที่คนอื่นไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เหตุการณ์นี้ถูกมองข้ามไปในตอนแรก แต่ต่อมาถูกนำมาวิเคราะห์ว่าเป็น “จุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อกับโครงข่ายมิติ”
2.3 ความสนใจด้านเทคโนโลยีและยุทธวิธี
ในช่วงวัยรุ่น ศุภณัฐมีความสนใจทั้งด้านเทคโนโลยี การเขียนโปรแกรม เกมกลยุทธ์ และการฝึกกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูง เขาถูกบันทึกว่าเป็นคนที่ชอบ “วิเคราะห์ฉากการรบ” ในเกมและภาพยนตร์มากกว่าการเล่นเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว ทักษะการประเมินความเสี่ยงอย่างรวดเร็วของเขาเริ่มชัดเจนในช่วงนี้
3. การรับสมัครเข้าหน่วยลับ
ความผิดปกติของเวลาที่เกิดซ้ำรอบตัวเขาทำให้โครงการเกตเวย์เริ่มให้ความสนใจ เจ้าหน้าที่ภาคสนามปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่โครงการวิจัยเยาวชน และเชิญเขาเข้าร่วมโครงการทดสอบสมองและการรับรู้ขั้นสูง
ผลการทดสอบพบว่า สมองของศุภณัฐสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เวลาไหลต่างกัน (ผ่านการจำลองจากห้องทดลอง) นี่กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาถูกพิจารณาเข้าร่วมหน่วยรบพิเศษข้ามมิติ
ภายหลังเขายอมเข้าร่วมอย่างมีเงื่อนไขว่า “จะต้องไม่ใช้พลังของตนเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเล็ก ๆ” ซึ่งถูกบันทึกไว้ในสัญญาระดับลับสุดยอดของโครงการ
4. หน่วยรบพิเศษ TRU-7
หน่วย TRU-7 (Temporal Response Unit, Squad 7) เป็นหนึ่งในหน่วยปฏิบัติการลับที่สุด มีหน้าที่เข้าสอดแทรกในมิติต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “พายุเวลา” ที่อาจทำลายเส้นประวัติศาสตร์ของหลายจักรวาลพร้อมกัน
4.1 บทบาทของศุภณัฐในหน่วย
- ทำหน้าที่ Navigator ประจำหน่วย คอยคาดการณ์เสถียรภาพของประตูมิติ
- เป็น Field Commander ชั่วคราว เมื่อหัวหน้าหน่วยหลักไม่สามารถสั่งการได้
- รับผิดชอบการตัดสินใจเชิงจริยธรรมในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง “รักษาเส้นเวลา” กับ “ช่วยชีวิตคนตรงหน้า”
4.2 ระบบโค้ดเนม
ในเอกสารภายใน ศุภณัฐถูกเรียกว่า รหัส: K-Δ7 โดยตัวอักษร “K” หมายถึงผู้ปฏิบัติการที่เคยหลุดออกจากเส้นเวลาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ส่วนสัญลักษณ์ “Δ” แปลว่ามีความแปรผันของเวลาในระดับที่ไม่สามารถคาดเดาได้สมบูรณ์
5. ภารกิจข้ามมิติสำคัญ
5.1 ปฏิบัติการ “เมืองที่ถูกลืม” (The Forgotten City)
หน่วย TRU-7 ถูกส่งไปยังมิติที่เมืองทั้งเมืองหายไปจากประวัติศาสตร์ แต่ยังคงทิ้งร่องรอยพลังงานเวลาไว้ ศุภณัฐเป็นคนแรกที่สังเกตว่า เมืองไม่ได้หายไป แต่ถูก “เลื่อนออกนอกแกนเวลา” ไปทีละส่วน
เขาออกแบบแผนในการนำชาวเมืองกลับมาทีละกลุ่ม โดยไม่ทำให้เส้นเวลาแตกหัก แม้ภารกิจนี้ใช้เวลานานถึง 11 รอบมิติ แต่ถือเป็นหนึ่งในภารกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดของหน่วย
5.2 เหตุการณ์ “ประตูแตกที่ขั้วโลกเหนือ–X”
ในอีกมิติหนึ่ง ประตูมิติยักษ์เกิดเปิดค้างอยู่เหนือขั้วโลก ทำให้ลมพายุและเวลาไหลย้อนกลับไปมา ภารกิจหลักของศุภณัฐคือการเข้าไป “ตรึงแกนเวลา” จากภายใน เขาต้องปลดชุดป้องกันบางส่วนออกเพื่อให้ร่างกายสัมผัสกับคลื่นเวลาโดยตรง และใช้สมาธิควบคุมไม่ให้ตัวเองหลุดออกนอกเส้นเวลา
บันทึกระบุว่า หัวใจของเขาหยุดเต้นไป 13.2 วินาทีในมิติฐาน แต่ในมิติที่ภารกิจเกิดขึ้น เขาประสบกับเวลายาวนานเกือบ 6 ชั่วโมงเต็ม ก่อนประตูจะปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์
5.3 ภารกิจสุดท้ายที่บันทึกได้
ภารกิจที่ถูกบันทึกเป็นครั้งสุดท้ายคือการเข้าไปยังมิติรหัส 7.Δ ที่นั่นเวลาไม่ได้ไหลเป็นเส้น แต่เป็นเหมือนผืนผ้าใบที่ถูกฉีกออกหลายชั้น ทุกครั้งที่ทีมพยายามเดินหน้า พวกเขาจะกลับมาอยู่จุดเริ่มต้นในเวอร์ชันที่ต่างกันเล็กน้อย
ศุภณัฐตัดสินใจ “ตัดตัวเองออก” จากหน่วย โดยกระโดดเข้าสู่ใจกลางจุดบิดของมิตินั้นคนเดียว เพื่อทำหน้าที่เป็น “สมอเวลา” ให้คนอื่นหลบหนีกลับสู่มิติฐาน หลังจากนั้น ไม่มีรายงานการกลับมาของเขาอีกเลย
6. ความสามารถและอุปกรณ์
6.1 ความสามารถพิเศษ
- การรับรู้รูปแบบเวลา (Temporal Pattern Sense) – สามารถรู้สึกถึงการสั่นไหวของเวลาในบริเวณรอบตัว แม้ยังไม่มีเสี้ยววินาทีใดเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
- การปรับสมดุลในสภาวะเวลาแตกหัก – เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่เวลาวิ่งหลายทิศทาง เขายังสามารถเคลื่อนไหว และตัดสินใจได้เหมือนอยู่ในสภาพเวลาเดียว
- ยุทธวิธีเชิงจิตวิทยา – ไม่ใช่แค่เก่งการต่อสู้ แต่ยังอ่านอารมณ์และแรงจูงใจของคนรอบตัวได้ดี ทำให้ลดการใช้กำลังโดยไม่จำเป็น
6.2 อุปกรณ์ประจำตัว
- Chrono-Anchor Brace – สายรัดข้อมือที่เชื่อมต่อกับเครื่องแม่ข่ายของโครงการเกตเวย์ ทำหน้าที่ตรึงร่างกายของเขาไว้กับเส้นเวลาเป้าหมาย
- Multi-Phase Lens – แว่นสายตาที่ดัดแปลงให้สามารถสแกนค่าความเสถียรของมิติรอบตัว เลนส์ด้านนอกดูคล้ายแว่นธรรมดา แต่ภายในแฝงอินเทอร์เฟซแบบเสมือน
- ชุดสนามแบบปรับเฟส – ชุดที่สามารถเปลี่ยนความหนาแน่นของตัวเอง ให้กลายเป็นกึ่งโปร่งแสงเมื่ออยู่ใกล้รอยต่อของมิติ
7. บุคลิกภาพและความเชื่อ
แม้จะได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติการที่อันตรายที่สุดในโครงการ แต่พยานทุกคนกลับอธิบายตรงกันว่าเขาเป็นคนใจเย็น อดทน และมักจะใช้มุกตลกแห้ง ๆ เพื่อลดความตึงเครียดในทีม
ศุภณัฐมีคติประจำใจว่า “ถ้าเรามีโอกาสช่วยเขาในเส้นเวลานี้ ก็อย่าผลักภาระไปให้เส้นเวลาอื่น” สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้เขาจะเดินทางได้หลายมิติ แต่ก็ไม่เคยมองว่ามิติคู่ขนานคือที่ทิ้งปัญหาของตนเอง
8. มรดกและอิทธิพล
หลังเหตุการณ์มิติ 7.Δ โครงการเกตเวย์ตั้ง “โปรโตคอล K-Δ7” เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติการเมื่อผู้ปฏิบัติการจำเป็นต้องเสียสละตัวเองเป็นสมอเวลา โปรโตคอลนี้ระบุชัดว่า การตัดสินใจดังกล่าวต้องได้รับการยอมรับจากทั้งหน่วย และจะถูกบันทึกไว้ในห้องจารึกกลางของทุกจักรวาลที่เกี่ยวข้อง
ในหมู่ผู้ปฏิบัติการรุ่นหลัง ชื่อของศุภณัฐถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ “คนธรรมดาที่เลือกยืนในจุดที่ไม่ธรรมดา” มีการวาดภาพ กราฟิก และตำนานเล่าขานถึงเขาในรูปแบบต่าง ๆ บางมิติถึงขั้นสร้างอนุสาวรีย์ของชายหนุ่มใส่แว่นที่มองขึ้นไปยังท้องฟ้าแตกเป็นรอยเวลา
9. ไทม์ไลน์โดยสรุป (ตามเอกสารที่รอดมา)
- วัยเด็ก – พบเหตุการณ์เวลาหยุดนิ่งครั้งแรก ไม่มีใครเชื่อ
- วัยรุ่น – เข้าร่วมโครงการทดสอบลับ ถูกค้นพบความสามารถด้านมิติเวลา
- การฝึก – เข้าฝึกในศูนย์ปฏิบัติการของโครงการเกตเวย์ เรียนรู้การใช้ Chrono-Anchor
- เข้าหน่วย TRU-7 – ทำหน้าที่ Navigator และ Field Commander
- ปฏิบัติการหลายมิติ – มีส่วนในภารกิจเมืองที่ถูกลืม และประตูแตกที่ขั้วโลกเหนือ–X
- เหตุการณ์มิติ 7.Δ – เสียสละตัวเองเพื่อให้หน่วยรอดกลับมิติฐาน สถานะหลังจากนั้นไม่แน่ชัด